ฉันจะแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับแชทเสียงใน Fortnite ได้อย่างไร?
หมายเหตุ: หากคุณอยู่ในอียิปต์หรือสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ คุณจะไม่สามารถใช้แชทเสียงใน Fortnite ได้ เนื่องจากประเทศเหล่านั้นบล็อกเทคโนโลยี VOIP
(เปิดในแท็บใหม่)ตรวจสอบบอร์ดแจ้งปัญหาชุมชน Trello
ทีมงานดูแลชุมชนของเราจะอัปเดตปัญหาล่าสุดที่รับทราบซึ่งอาจจะรวมถึงปัญหาเกี่ยวกับแชทเสียงบนบอร์ด Trello นี้ อย่าลืมตรวจสอบบอร์ดแจ้งปัญหาชุมชน Trello ของ Fortnite (เปิดในแท็บใหม่) ก่อนเพื่อดูข้อมูลล่าสุด และดูว่ามีปัญหาเกี่ยวกับแชทเสียงที่รับทราบอยู่ในบอร์ดหรือไม่
(เปิดในแท็บใหม่)ตรวจสอบสถานะของเซิร์ฟเวอร์ Epic Games
ตรวจสอบหน้าสถานะของเซิร์ฟเวอร์ Epic Games (เปิดในแท็บใหม่)เพื่อดูให้แน่ใจว่าระบบทั้งหมดทำงานเป็นปกติ หากแชทเสียงได้รับผลกระทบจากไฟฟ้าดับหรือปัญหาที่เกิดกับทั้งระบบ ปัญหาของคุณอาจได้รับการแก้ไขเมื่อมีการแก้ไขเรื่องไฟฟ้าดับแล้ว
(เปิดในแท็บใหม่)เร่งเสียงของแชทเสียง
(เปิดในแท็บใหม่)ตรวจสอบช่องแชทเสียง Fortnite ของคุณ
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณอยู่ในช่องแชทเสียงที่ถูกต้อง ปัญหานี้อาจเกิดจากการอยู่ผิดช่องได้ โดยคุณจะไม่ได้ยินเสียงเพื่อนร่วมทีมหากคุณเล่นข้ามแพลตฟอร์มกับหลายแพลตฟอร์ม
Fortnite มีช่องให้ใช้อยู่ 2 ช่อง ได้แก่ ช่องปาร์ตี้และช่องเกมเมื่ออยู่ในเกม คุณจะสามารถสลับช่องแชทได้โดยใช้เมนูโซเชียล:
- ช่องปาร์ตี้จะเชื่อมต่อผู้เล่นที่อยู่ในปาร์ตี้เดียวกัน (ซึ่งรอคิวในล็อบบี้ด้วยกัน)
- ช่องเกมจะเชื่อมต่อผู้เล่นจากทีมเดียวกันแต่อยู่คนละปาร์ตี้ (ซึ่งระบบหาเข้ามาในโหมดเล่นเป็นทีม)
นอกจากนี้ คุณอาจจะอยู่ในแชทปาร์ตี้ของ Xbox หรือ PlayStation ด้วย ซึ่งช่องแชททั้งสองอย่างที่ระบุไว้ข้างต้นจะทำให้แชทเสียงของ Fortnite ไม่ทำงาน
หมายเหตุ:หากคุณต้องการใช้แชทเสียงของ Fortnite คุณจะต้องออกจากแชทปาร์ตี้ของ Xbox หรือ PlayStation เพื่อใช้แชทเสียงของ Fortnite แม้ว่าจะไม่มีใครอยู่ในแชทเสียงดังกล่าวก็ตาม หากคุณไม่ทราบวิธีการออกจากแชทปาร์ตี้ของ Xbox หรือ PlayStation โปรดดูทรัพยากรช่วยเหลือจาก Xbox (เปิดในแท็บใหม่)หรือ PlayStation (เปิดในแท็บใหม่)
(เปิดในแท็บใหม่)ปรับการตั้งค่าการควบคุมโดยผู้ปกครอง
หากในปัจจุบัน บัญชีของคุณมีการจำกัดฟีเจอร์ไว้ (ผู้ปกครอง/ผู้พิทักษ์ของคุณยังดำเนินการให้ความยินยอมจากผู้ปกครองไม่เสร็จสิ้น) คุณจะไม่สามารถใช้แชทเสียงหรือแชทข้อความได้จนกว่าผู้ปกครองของคุณจะดำเนินการจนแล้วเสร็จ คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัญชีที่มีการจำกัดฟีเจอร์ได้ที่คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับบัญชีที่มีการจำกัดฟีเจอร์ (เปิดในแท็บใหม่)
หากบัญชีของคุณเปิดการควบคุมโดยผู้ปกครองเอาไว้ใน Fortnite คุณอาจต้องขอให้ผู้ปกครองหรือผู้พิทักษ์ของคุณเปลี่ยนการตั้งค่า เพื่อให้ฟังก์ชันแชทเสียงและแชทข้อความสามารถใช้งานได้ตามปกติ
หากต้องการเปิดใช้งานแชทข้อความหรือแชทเสียงจากหน้าการตั้งค่าการควบคุมโดยผู้ปกครอง โปรดตรวจสอบว่าแชทข้อความหรือแชทเสียงได้รับการตั้งค่าเป็นเพื่อนเท่านั้นเพื่อนและเพื่อนร่วมทีม หรือทุกคน (แชทเสียงและแชทข้อความจะไม่ทำงานหากตัวเลือกนี้ได้รับการตั้งค่าเป็นปิด)
หากอายุต่ำกว่า 10 ปี และผู้ปกครองอนุญาต ผู้เล่นจะสามารถแชทกับ:
- เพื่อนได้เท่านั้น
หากผู้เล่นมีอายุตั้งแต่ 10 ถึง 12 ปี และผู้ปกครองอนุญาต ผู้เล่นจะสามารถแชทกับ:
- เพื่อนได้เท่านั้น
- เพื่อนและเพื่อนร่วมทีม
หากมีอายุ 13 ปีขึ้นไป ผู้เล่นจะสามารถแชทกับ:
- เพื่อนได้เท่านั้น
- เพื่อนและเพื่อนร่วมทีม
- ทุกคน
หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการควบคุมโดยผู้ปกครอง โปรดดูที่: การควบคุมโดยผู้ปกครอง (เปิดในแท็บใหม่)
(เปิดในแท็บใหม่)เปิดพอร์ตเครือข่ายที่จำเป็น
แชทเสียงของเราใช้โปรโตคอลที่เรียกว่า XMPP โปรโตคอลนี้จะต้องเปิดพอร์ตเครือข่าย 5222 และ 433 เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อกับโปรโตคอลได้ หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีเปิดพอร์ตเครือข่าย โปรดดูที่วิธีปลดบล็อกพอร์ตเพื่อเชื่อมต่อกับ Epic Games Launcher และ Fortnite
(เปิดในแท็บใหม่)การแก้ปัญหาบน Xbox
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้เชื่อมต่อกับ Fortnite Game Chat
หากคุณอยู่ในปาร์ตี้ของ Xbox คุณอาจต้องสลับไปยังแชทในเกม Fortnite ด้วยตนเอง โดยทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:
- กดปุ่ม Xbox บนคอนโทรลเลอร์ของคุณ
- ไปที่หน้า Parties & Chats (ปาร์ตี้และการแชท)
- เลือกปาร์ตี้ของคุณ
- กดปุ่ม View (ดู) บนคอนโทรลเลอร์ของคุณ
- เลือก Switch to game chat (สลับไปยังแชทในเกม)
ปรับการตั้งค่า DNS
โปรดดูที่บทความHow do I switch to a public DNS to strengthen my connection? (ฉันจะสลับไปใช้ DNS สาธารณะเพื่อให้การเชื่อมต่อมีสัญญาณดีขึ้นได้อย่างไร?)
กำหนดการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยออนไลน์สำหรับการเล่นข้ามแพลตฟอร์ม
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้กำหนดการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยออนไลน์สำหรับการเล่นข้ามแพลตฟอร์มแล้ว
- บน Xbox ให้กดปุ่ม Xbox เพื่อเปิดคู่มือ จากนั้นไปที่ System (ระบบ) > Settings (การตั้งค่า) > Account (บัญชี)
- เลือก Privacy & Online Safety (ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยออนไลน์) > Xbox Live Privacy (ความเป็นส่วนตัวสำหรับ Xbox Live) > View Details and Customize (ดูรายละเอียดและปรับแต่ง) > Communication & Multiplayer (การสื่อสารและโหมดผู้เล่นหลายคน)
ข้อมูลที่ควรทราบ: หากคุณตั้งค่าแชทเสียงให้กับสมาชิกในครอบครัว จากส่วน Account (บัญชี) ให้เลือกFamily Settings (การตั้งค่าครอบครัว) > Manage Family Members (จัดการสมาชิกในครอบครัว)เลือกสมาชิกในครอบครัว จากนั้นดำเนินการตามขั้นตอนที่ 2 ซึ่งระบุไว้ด้านบน - เลือกการตั้งค่าสำหรับตัวเลือกดังต่อไปนี้
- You can play with people outside of Xbox Live (คุณสามารถเล่นกับผู้เล่นที่อยู่นอก Xbox Live ได้)
ตัวเลือกนี้จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้มีการเล่นข้ามเครือข่ายคลิก Allow (อนุญาต) เพื่อใช้แชทเสียง - You can communicate outside of Xbox Live with voice & text (คุณสามารถสื่อสารนอก Xbox Live โดยใช้เสียงและข้อความได้)
เมื่อคุณอนุญาตให้มีการเล่นข้ามเครือข่าย คุณจะควบคุมได้ว่าใครบ้างที่สามารถติดต่อกับคุณได้เลือก Everybody (ทุกคน), Block (บล็อก) หรือ In-game friends (เพื่อนในเกม)
- You can play with people outside of Xbox Live (คุณสามารถเล่นกับผู้เล่นที่อยู่นอก Xbox Live ได้)
- ลองใช้แชทเสียงอีกครั้ง
ล้างแคชบน Xbox
โปรดดูที่ How do I clear my Xbox Series S|X cache? (ฉันจะล้างแคชบน Xbox Series S|X ของฉันได้อย่างไร?)
เปิดใช้งาน UPnP บนเราเตอร์ของคุณ
- ไปที่หน้าลงชื่อเข้าใช้ของเราท์เตอร์ของคุณ
หมายเหตุ: หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงชื่อเข้าใช้เราเตอร์ของคุณ ให้ค้นหาข้อมูลทางออนไลน์เพื่อดูคู่มือที่เกี่ยวข้องกับรุ่นเราเตอร์ที่คุณใช้งาน - เข้าสู่ระบบเราเตอร์ของคุณ
- ไปที่เมนู UPnP บนเราเตอร์ของคุณ
หมายเหตุ: ขั้นตอนในการหาเมนูนี้อาจแตกต่างกันออกไปในเราเตอร์่ละรุ่น ดังนั้นให้ค้นหาขั้นตอนสำหรับเราเตอร์ของคุณโดยเฉพาะหาก UPnP ไม่พร้อมให้ใช้งาน เราขอแนะนำให้ดำเนินการส่งต่อพอร์ต - เปิดใช้งาน UPnP.
- บันทึกการเปลี่ยนแปลงของคุณ
- เปิดแอป Settings (การตั้งค่า) บน Xbox
- เลือกแท็บ Network (เครือข่าย)
- เลือกช่องประเภท Test NAT (ทดสอบ NAT)ตอนนี้คุณน่าจะเปิด NAT บน Xbox ได้แล้ว
- ลองใช้แชทเสียงอีกครั้ง
(เปิดในแท็บใหม่)การแก้ปัญหาบน PlayStation
ปิดการตั้งค่า Mute Game Voice Chat (ปิดเสียงแชทเสียงของเกม) บน Playstation 5
- กดปุ่ม PS บนคอนโทรลเลอร์ในขณะที่อยู่ในเมนูหลักของ Playstation 5
- เลือก Sound (เสียง)
- ปิดการตั้งค่า Mute Game Voice Chat (ปิดเสียงแชทเสียงของเกม)
- รีสตาร์ท Fortnite
ปรับการตั้งค่า DNS
โปรดดูที่บทความHow do I switch to a public DNS to strengthen my connection? (ฉันจะสลับไปใช้ DNS สาธารณะเพื่อให้การเชื่อมต่อมีสัญญาณดีขึ้นได้อย่างไร?)
หมายเหตุ: ผู้เล่นบน PlayStation 5 อาจจะเจอปัญหาแชทเสียงติดขัดเมื่อโหลด Fortnite แต่แชทเสียงจะกลับมาเป็นปกติหลังจากคุณโหลดเข้าเกม Fortnite เรียบร้อยแล้ว
(เปิดในแท็บใหม่)การแก้ปัญหาบน Nintendo Switch
ปรับการตั้งค่า DNS
โปรดดูที่บทความHow do I switch to a public DNS to strengthen my connection? (ฉันจะสลับไปใช้ DNS สาธารณะเพื่อให้การเชื่อมต่อมีสัญญาณดีขึ้นได้อย่างไร?)
หมายเหตุ:ผู้ใช้อาจประสบปัญหาการแชทด้วยเสียง หากใช้หูฟังแบบ 3.5 มม. ในขณะที่เสียบคอนโซลไว้บนฐาน หากเสียบคอนโซลไว้บนฐาน เราขอแนะนำให้ใช้การเชื่อมต่อผ่าน USB เช่น หูฟัง USB, ตัวรับสัญญาณ USB หรืออะแดปเตอร์ USB-to-3.5 มม.
(เปิดในแท็บใหม่)การแก้ปัญหาบนพีซี
การอัปเดต Windows
คุณจะต้องอัปเดต Windows อย่างสมบูรณ์จึงจะใช้แชทเสียงได้ ดูได้ที่ Install Windows Updates (ติดตั้งการอัปเดต Windows) (เปิดในแท็บใหม่)
ปรับการตั้งค่า DNS
โปรดดูที่บทความHow do I switch to a public DNS to strengthen my connection? (ฉันจะสลับไปใช้ DNS สาธารณะเพื่อให้การเชื่อมต่อมีสัญญาณดีขึ้นได้อย่างไร?)
การตั้งค่าแชทเสียง
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแชทเสียงของคุณตั้งค่าเป็นเฉพาะเพื่อน เพื่อนและเพื่อนร่วมทีม หรือทุกคน รวมถึงตรวจสอบว่าคุณกำลังใช้ฟังก์ชันกดเพื่อพูดเพื่อสื่อสารหรือไม่
ตัวเลือกค่าเริ่มต้นควรจะใช้งานได้กับอุปกรณ์อินพุตหรือเอาท์พุตตราบใดที่การตั้งค่า Windows กำหนดเป็นอุปกรณ์เสียงที่คุณกำลังใช้อยู่
หากคุณประสบปัญหาว่าแชทเสียงไม่ทำงาน คุณก็สามารถลองเปลี่ยนอุปกรณ์อินพุตหรือเอาท์พุตเป็นอุปกรณ์ที่คุณกำลังใช้ได้
วิธีเปลี่ยนอุปกรณ์เริ่มต้นของคุณมีขั้นตอนดังนี้
- คลิกที่ เริ่มต้น (Start)
- พิมพ์ Control Panel (แผงควบคุม) แล้วกดปุ่ม Enter
- คลิกเสียง (Sound)
- ในแท็บ Playback (เล่นเสียง) ให้คลิกอุปกรณ์เอาท์พุต (ลำโพง/หูฟัง) ที่คุณต้องการใช้เป็นอุปกรณ์เริ่มต้น แล้วเลือก Set as Default Device (กำหนดเป็นอุปกรณ์เริ่มต้น)
- คลิกแท็บ Recording (บันทึกเสียง) จากนั้นคลิกอุปกรณ์อินพุต (ไมโครโฟน) ที่คุณต้องการใช้เป็นอุปกรณ์เริ่มต้น คลิกขวาแล้วเลือก Set as Default Device (ตั้งค่าเป็นอุปกรณ์เริ่มต้น)
- คลิก Apply (ใช้) แล้วจากนั้นให้คลิก OK (ตกลง)
หมายเหตุ: หากคุณเปิดใช้งานการควบคุมโดยผู้ปกครอง คุณจะต้องเปิดแชทเสียงในการตั้งค่าการควบคุมโดยผู้ปกครอง เพื่อใช้แชทเสียง คุณไม่สามารถเปลี่ยนการตั้งค่าการควบคุมโดยผู้ปกครองในการตั้งค่าเสียงปกติได้
ปรับการตั้งค่าการอนุญาตสำหรับแอปพลิเคชัน
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของระบบ Windows อนุญาตให้ Fortnite ใช้ไมโครโฟนได้
Windows 11:
- คลิกที่ เริ่มต้น (Start)
- เปิดแอปพลิเคชัน Settings (การตั้งค่า)
- ในเมนูด้านซ้ายให้เลือก Privacy and Security (ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย)
- ค้นหา Microphone (ไมโครโฟน) ในส่วน App permission (การอนุญาตสำหรับแอป)
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าตัวเลือก Fortnite เปิดใช้งานอยู่
Windows 10:
- คลิกที่ เริ่มต้น (Start)
- เปิดแอปพลิเคชัน Settings (การตั้งค่า)
- เลือกตัวเลือก Privacy (ความเป็นส่วนตัว)
- เลือกแอปพลิเคชัน Fortnite
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการอนุญาตให้ใช้ไมโครโฟนเปิดใช้งานอยู่
คุณสามารถเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอนุญาตสำหรับแอปพลิเคชันได้ในบทความช่วยเหลือของ Microsoft: การอนุญาตสำหรับแอป (เปิดในแท็บใหม่)
(เปิดในแท็บใหม่)การแก้ปัญหาบน Mac
การอนุญาตให้ใช้ไมโครโฟน
คุณจะต้องอนุญาตให้มีการใช้ไมโครโฟนบน Mac เพื่อให้ไมโครโฟนใช้งานใน Fortnite ได้
หากคุณต้องการใช้ไมโครโฟนบน Mac ให้ตรวจสอบว่า Fortnite ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงไมโครโฟน ดูได้ที่ Control access to the microphone on Mac (ควบคุมการเข้าถึงไมโครโฟนบน Mac) (เปิดในแท็บใหม่) เพื่อตรวจสอบว่า Fortnite ใช้ไมโครโฟนของคุณได้
(เปิดในแท็บใหม่)ปรับการตั้งค่าเราเตอร์ SIP-ALG
หากคุณใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านเราเตอร์ คุณก็อาจจำเป็นต้องปิดการตั้งค่า SIP-ALG เพื่อให้แชทเสียงสามารถใช้งานได้ โปรดติดต่อผู้ผลิตเราเตอร์ของคุณเพื่อดูขั้นตอนการปิดใช้งาน เนื่องจากแต่ละรุ่นมีขั้นตอนแตกต่างกัน
(เปิดในแท็บใหม่)ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเขตเวลาและเวลาถูกต้อง
หากต้องการตรวจสอบเวลาและเขตเวลาของคุณ สามารถดูได้ที่ How to set your time and time zone (วิธีกำหนดเวลาและเขตเวลาของคุณ) (เปิดในแท็บใหม่)